
New Normal เมื่อโลกเปลี่ยนไปงานเทศกาลจะเป็นอย่างไร

สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ถือเป็นมหันตภัยของหมู่มวลมนุษยชาติที่ควรถูกบันทึกไปในประวัติศาสตร์โลกเช่นเดียวกับสงครามโลกอย่างยิ่ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากมายทุกอุตสาหกรรม ทุกวงการ ทุกระบบธุรกิจของโลกโดยเฉพาะธุรกิจ และ/หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการรวมตัวกันอันเนื่องจาก Key Word ของระบบสาธารณสุขทั่วโลกที่เน้นย้ำ “Social Distancing” ซึ่งแน่นอนว่างานเทศกาลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบันนั่นคือ “Mass Gathering” ที่เรียกว่าก่อให้เกิดการรวมตัวจำนวนมากซึ่งก็ถือว่าเป็นศาสตร์ของงานเทศกาลทุกแห่งทุกที่ทั่วโลก

คำว่า New Normal เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2020 กับความหวังว่า นี่คือ solution แบบชั่วคราวที่ธุรกิจในวงการอีเวนท์ และ/หรือผู้จัดงานเทศกาลต่างพร้อมเรียนรู้และปรับตัว เพื่อที่จะขยับตัวเพื่อขับเคลื่อนงานแบบชั่วคราว แต่แล้วความหวังในประเทศไทยก็หยุดชะงักลงอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์โควิด-19 กลับมารุนแรงอีกระลอกใหญ่ มันทำให้กระทั่งคำว่า New Normal ก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะเป็นระดับขั้นความรุนแรง ทวีความรุนแรงมาถึงขีดสุดที่เคยขึ้นในเมืองไทยและทั่วโลกมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามการอธิบายความหมายของคำว่า New Normal ก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน solution ที่ดีที่สุดใน ณ ขณะนี้ เพราะผู้จัดงานอีเวนท์และงานเทศกาลก็จะต้องเรียนรู้ในระยะยาวหลังจากนี้เพื่อที่จะกลมกลืนอยู่กับสถานการณ์นี้ต่อไป

เครื่องมือการสื่อสารต่าง ๆ ได้พัฒนาและเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะระบบ digitals และ electronics ที่ก่อนหน้าก็มีการนำมาใช้กันอยู่แล้ว แต่ ณ สถานการณ์ตอนนี้ การสร้างนวัตกรรมได้ประยุกต์เข้ามาใช้งาน เพื่อให้อุตสาหกรรมธุรกิจอีเวนท์และงานเทศกาลได้เดินต่อ การใช้ระบบ online, virtual และ/หรือระบบ hybrid ได้นำมาใช้งานอย่างกว้างขวางและเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างเป็นมาตราวัดค่ามูลค่าได้เหมือนการจัดกิจกรรมแบบ physical ซึ่งจริง ๆ ก็จริง เพราะกระบวนการของศาสตร์ และศิลป์ต้องได้มาสัมผัสของจริง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสถึงจะมีอรรถรสในการเข้ามามีส่วนร่วมในงาน และสามารถแสดงมูลค่ากันอย่างชัดเจนได้มากกว่าระบบ online หรือ virtual อย่างแน่นอน
จนถึงวันนี้เราคงต้องยอมรับและต้องปรับตัวกันอย่างจริงจังว่า New Normal คือ solution หนึ่งแม้จะไม่ถึงขนาดแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่ต้องยอมรับมัน ผู้จัดงานเทศกาลทั้งโลกคงต้องวางแผน ปรับตัวอีกต่อไปแต่ก็น่าจะเป็นการยอมรับที่เราจะต้องมีโรคระบาดที่ขื่อ โควิด-19 อยู่กับเราไปเรื่อย ๆ และยังไม่มีแววว่าจะหยุด แม้กระทั่งเรามีวัคซีนเข้ามาแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นเราน่าจะเลยคำว่า “การปรับตัว” มาสู่โหมดของ “การอยู่กับโรคนี้” ไป โดยเราก็ควรสร้างมาตราฐานของเราในหลายรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสม อาทิ การสร้างขั้นบันไดของมาตราการของการจัดงานตามสถานการณ์จากระดับเบา ไปถึงความรุนแรงของสถานการณ์สูงสุด เพื่อลดความเสี่ยงในความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการสร้างระบบภูมิคุ้มกันการจัด Events และ Festivals จึงต้องในมาใช้ทุกงานหลังจากนี้ แปลว่าระบบ Safety & Hygiene Management จะต้องนำมาเป็นเครื่องมือทุกงาน หากต้องมีการจัดแบบ Physical หรือ Hybrid ก็ตาม
การจัดงานเทศกาลในรูปแบบ New Normal ดูเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว เพราะ “New Standard” ของทุกงานต่อจากนี้จำเป็นต้องมีมาตรการ Safety & Hygiene Management ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ไม่แปลกใหม่ไปแล้ว โดยการจัดงานเทศกาลนั้นต้องคำนึงถึง Social Distancing และมาตรการ Safety & Hygiene Management เป็นการระบุเงื่อนไข “Must Have” ไม่ว่าจะเป็นการเข้างานของ Festival Goers (ผู้ที่ชื่นชอบงานเทศกาล), Festival Networks (เครือผู้จัดงาน และผู้เกี่ยวข้องงานเทศกาล) ในทุกกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องเกิดการวมตัวกันหมู่มาก (mass gathering) อาทิ งานแข่งขันวิ่งมาราธอน, งานจัดแสดงสินค้าอย่างงาน Motor Shows และอื่น ๆ จากนี้ไป ผู้จัดงานต้องมีมาตรการและระเบียบวินัยในการป้องกันโรค เพื่อลดความเสียหายของงาน จนกว่าวันที่โรคระบาดชนิดนี้จะกลายเป็นไข้หวัดธรรมดา
ปัจจุบันนี้เราได้สร้าง “New Standard” ของระบบกับการจัดงานขึ้นมาแล้ว และเราก็ควรยึดมาตรฐานนี้ต่อไป เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้านี้จะมีโรคใหม่มาอีกเมื่อไหร่ วันนี้เราพร้อมรับมือ และเราก็เชื่อว่า ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหน ผู้จัดงานเทศกาล (Festival Owners) ทั่วโลก ยังคงมี passion ที่จะสร้างสรรค์งานเทศกาลที่มีคุณภาพต่อไป
เทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นที่ Virgin Money Unity Arena บริเวณ Gosforth Park ประเทศอังกฤษ

งานประกาศผลรางวัล OSCAR 2021 ที่มีผู้เข้าร่วมงานเพียง 170 คน
