
Wonderfruit เทศกาลศิลปะและดนตรี สู่งานเทศกาลระดับโลก

ก่อนหน้าที่เราจะพบกับเหตุการณ์ไวรัสระบาดสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนทั้งโลก ประเทศไทยมีงานเทศกาลมากมายเกิดขึ้นในแต่ละปี ซึ่งได้การตอบรับที่ดีมีคนเข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น และส่วนใหญ่ก็มีศักยภาพในการเติบโตสู่การเป็นงานเทศกาลระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ Wonderfruit ที่มีโต้โผคือ ‘พีท’ - ประณิธาน พรประภา CEO บริษัท สแครทช์ เฟิร์สท์ จำกัด ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2014 โดยเป็นงานเทศกาลที่จัดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ในเดือนธันวาคม จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจนสามารถจัดงานมาต่อเนื่องได้อีกหลายครั้ง

Live. Love. Wonderfruit.
เทศกาล Wonderfruit เป็นหนึ่งในงานเฟสติวัลที่พาให้ผู้ชมได้ไปสัมผัสกับศิลปะ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีความแตกต่างจากงานอื่น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยทีมจัดงานนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดัน พัฒนา และคิดค้นแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คนจากทั่วโลกได้มาสัมผัสประสบการณ์และร่วมเฉลิมฉลองไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่นี้ด้วยกัน โดย Wonderfruit นั้นต้องการสนับสนุนให้ผู้คนได้เข้ามามีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน มากกว่าจะเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์ และช่วยกระตุ้นให้ผู้คนไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้และต่อยอดไอเดียให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากช่วงเวลาที่จัดงานเฟสติวัล เพื่อจุดประกายการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

ศิลปะ เรื่องราว และธรรมชาติ
องค์ประกอบหลักภายในเทศกาล Wonderfruit มีกิจกรรมเพื่อความบันเทิงและเพื่อการเรียนรู้ออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ศิลปะ (Art) ดนตรี (Music) อาหาร (Food) สุขภาพ (Wellness) ครอบครัว (Family) การเสวนาและเวิร์คช็อป (Talk & Workshop) รวมถึงรูปแบบที่พักภายในงานที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งแบบบูทีคแคมปิ้ง หรือใครจะกางเต็นท์ส่วนตัวก็ได้ และไฮไลท์ของงานคือ เจ้าของรถ RV หรือรถบ้านต่างนิยมเอารถของตัวเองเข้ามาจอดในบริเวณพื้นที่จัดงาน เกิดเป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ของคนรักรถบ้านด้วย
หลายคนที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศในงานเทศกาล Wonderfruit และเคยไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนได้ไปเที่ยวงานเทศกาลที่เมืองนอก ซึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นมาจากไฮไลต์ของงานในแต่ละปีที่นำ 40 โปรเจกต์งานศิลปะและโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานแนวคิดความยั่งยืนในการออกแบบมาใช้ ส่วนไลน์อัพของศิลปินที่มาแสดงก็มีมากว่า 150 คน ใน 10 เวที ที่กระจายอยู่บนพื้นที่ 500 ไร่ ของ เดอะฟิลด์ส แอท สยามคันทรีคลับ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ส่วนด้านอาหารการกินนั้นก็มีคอร์สอาหารจากเชฟแนวหน้าทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงร้านอาหารในงานกว่า 100 ร้าน กิจกรรมเพื่อสุขภาพกว่า 100 คลาส โปรแกรมเพื่อการเสวนากว่า 20 หัวข้อ โดยสปีกเกอร์จากทั่วโลก กิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัวอีกกว่า 50 รายการ เรียกว่ารองรับคนทุกเพศทุกวัย

จำนวนผู้เข้างาน Wonderfruit มีประมาณ 20,000 คน โดยแบ่งออกเป็นชาวต่างชาติร้อยละ 55 หรือประมาณ 11,000 คน และชาวไทยร้อยละ 45 หรือประมาณ 9,000 คน ซึ่งผู้เข้าร่วมงานชาวต่างชาติส่วนใหญ่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ส่วนเหตุผลที่พวกเขาสนใจงานเทศกาลนี้นั่นคือ ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในการใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตที่มีความยั่งยืน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนมุมมองด้านศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรี สำหรับผู้ร่วมงานชาวไทยนั้นส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ และมาเพื่อต้องการหาแรงบันดาลใจและแลกเปลี่ยนมุมมองในการทํางานใหม่ ๆ ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้กระทบไหล่กับดีไซน์เนอร์ ยูทูปเบอร์ คอลัมนิสต์ และศิลปินดัง ๆ ในงานนี้

Our Wonder World
ในทุกปีของการจัดงาน Wonderfruit นำแนวคิดด้านความยั่งยืนมาเป็นแกนหลักของการสร้างสรรค์เนื้อหาและโปรแกรมของกิจกรรมทุกประเภท ทั้งศิลปะ ดนตรี อาหาร สุขภาพ ฯลฯ เริ่มตั้งแต่การคิดคอนเซปต์ การเลือกวัสดุและเทคนิคการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการร่วมงานกับกลุ่มนักสร้างสรรค์ในและต่างประเทศ เพื่อออกแบบประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าตื่นเต้น ให้ผู้ร่วมงานสามารถสามารถมาร่วมสนุกพร้อมกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ในงาน


นอกจากเรื่องของศิลปะ ดนตรี ไลฟ์สไตล์ และการเรียนรู้แล้ว Wonderfruit ยังเป็นเฟสติวัลที่เน้นเรื่องรักษ์โลก ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และลดปริมาณขยะ ด้วยนโยบายด้านความยั่งยืนทั้งจัดการขยะต่าง ๆ ตั้งแต่ให้ผู้ร่วมงานนำแก้วมาใช้เติมเครื่องดื่มเองในงาน เพื่อลดการใช้แก้วพลาสติก ไม่ให้นำอาหารจากภายนอกหรือพลาสติกเข้ามาในงาน นอกจากนี้ขยะในงานได้รับการแยกประเภทอย่างเป็นระบบ และนำไปบริหารจัดการด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ตามแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน


นั่นเป็นเหตุผลว่างานเทศกาลนี้เป็นที่รวมตัวของคนที่ชื่นชอบในดนตรีและศิลปะประเภทเดียวไว้ด้วยกัน สร้างประสบการณ์ของการแบ่งปัน และการใช้ชีวิต การทํางาน ตลอดจนการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ อย่างศิลปะในการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์เดียวกัน เรียกว่าเป็นงานเทศกาลที่เชื่อมโยงผู้คนให้ได้เสพความสุขบนดินแดนเหมือนฝัน ที่หาได้ยากในชีวิตประจำวัน
คุณค่าสุดท้ายจากงานเทศกาลนี้คือ Wonderfruit ได้เพิ่มมูลค่าทางสังคมให้กับจังหวัดชลบุรี ด้วยการตอกย้ำชื่อเสียงของจังหวัดในการเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานใหญ่ ๆ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เปิดมุมใหม่ ๆ ให้กับการเกิดอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างมูลค่าที่มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ภายในจังหวัด สอดคล้องกับแนวทาง Festival Economy หรือการสร้างผลกระทบเชิงบวกในการจัดงานเทศกาล ที่สามารถนำไปต่อยอดให้เป็นงานเทศกาลระดับประเทศ สร้างชื่อเสียงและพัฒนาให้เทียบเคียงกับงานเทศกาลใหญ่ ๆ ของโลกได้อย่างไม่ยากเย็น